Newsletter 4/2563
ภาพรวมธุรกิจ
จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับ 1 มกราคม 2563 – 30 กันยายน 2563 จำนวน 184,368 ล้านบาท หรือเติบโตเท่ากับ ร้อยละ 3.87 YoY แบ่งเป็น
- เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทรถ 105,421 ล้านบาท
- เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทเบ็ดเตล็ด 67,258 ล้านบาท
- เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทอัคคีภัย 7,790 ล้านบาท
- เบี้ยประกันวินาศภัยประเภททะเลและขนส่ง 3,899 ล้านบาท
เบี้ยประกันชีวิตปีแรก ปีต่อไป และจ่ายครั้งเดียว สำหรับ 1 มกราคม 2563 – 30 กันยายน 2563 จำนวน 429,165 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 3.29 YoY จากกรมธรรม์ปีแรกจำนวน 73,814 ล้านบาท กรมธรรม์ปีต่อจำนวน 314,448 ล้านบาทและจากสัญญาจ่ายครั้งเดียวจำนวน 40,903 ล้านบาท
บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พ.ศ. 2563 แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม อันที่จริงการแพร่ระบาดครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตการณ์ที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลก แต่สำหรับทีคิวเอ็มนั้น การระบาดครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ และบริษัทได้พิสูจน์แล้วว่าบริษัทสามารถปรับตัวและยืนหยัดอย่างมั่นคงและยั่งยืนท่ามกลางวิถีชีวิตแบบใหม่หลังการแพร่ระบาด บริษัทได้เรียนรู้และประมวลผลข้อมูล Big Data เพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าตลอดทั้งปี อาทิ ประกันโควิด-19 ประกันฟรีแลนซ์ ประกันอัคคีภัย ประกันที่อยู่อาศัย ประกันตามฤดูกาล ประกันท่องเที่ยว รวมถึงประกันภัยเพื่อผู้หญิง
บริษัทยังคงไม่หยุดยั้งในด้านการขยายช่องทางการขาย โดยตลอดทั้งปี พ.ศ. 2563 บริษัทขยายช่องทางการขายประกันรวมถึงการพัฒนา platform เพื่อการขายประกันทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ Shopee, Facebook Line Official ตู้บุญเติม และ Ship Smile Service และเพื่อเพิ่มศักยภาพในงานขายรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ ตรงตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในด้านการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการขายและการชำระเงินเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน
บริษัทสนับสนุนให้นำความรู้และประสบการณ์ด้านความยั่งยืนมาพัฒนาและปรับใช้เพื่อคิดค้นนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนวัตกรรมด้านกระบวนการทำงานทั้งในระดับภายในองค์กรและระดับความร่วมมือระหว่างองค์กร โดยเน้นนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สร้างผลิตผลและมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งการสร้างนวัตกรรมตามโครงการการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนต่าง ๆ ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีกทางหนึ่งด้วย เช่น โครงการนวัตกรรมการพัฒนาระบบ e-Document เพื่อลดการใช้กระดาษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สามารถลดการใช้กระดาษ A4 ในปี พ.ศ. 2563 ได้ถึง 14,450,518 แผ่น หรือคิดเป็นเงินที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อกระดาษและหมึกพิมพ์เอกสารเพื่อการประกอบธุรกิจได้กว่า 4.52 ล้านบาท อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการคำนวณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกระบวนการผลิตกระดาษจำนวน 71,824.77 kgCO2e อีกด้วย
ภาพรวมบริษัทปี พ.ศ. 2563
รายการ | 2563 | 2562 | YoY | |||
---|---|---|---|---|---|---|
ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | |
รายได้ค่าบริการ | 3,802.5 | 98.3 | 2,711.5 | 97.4 | 370.9 | 13.7 |
รายได้อื่น | 53.6 | 1.7 | 72.3 | 2.6 | (18.7) | (25.9) |
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการ | 1,517.4 | 48.4 | 1,457.7 | 52.4 | 59.7 | 4.1 |
กำไรขั้นต้น | 1,565.0 | 50.8 | 1,253.8 | 46.2 | 311.2 | 24.8 |
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร | 747.4 | 23.8 | 701.9 | 25.2 | 45.5 | 6.5 |
กำไรสุทธิ | 702.0 | 22.4 | 507.2 | 18.2 | 194.7 | 38.4 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 2.34 | 1.69 | 0.65 | 38.5 |
- รายได้ค่าบริการประจำปี 2563 เท่ากับ 3,082.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนจำนวน 2,711.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 370.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 YoY สาเหตุจากยอดขายและบริการที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งช่องทางการขายและการชำระเงินที่ตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น
- ในขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการประจำปี 2563 เท่ากับ 1,517.4 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 48.4 ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปีก่อน 1,457.7 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 52.4 เพิ่มขึ้นจำนวน 59.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.1 YoY เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้น
- กำไรขั้นต้นประจำปี 2563 เท่ากับ 1,565.0 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 50.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 1,253.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 311.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.8 YoY เพิ่มขึ้นจากการขยายการขายผ่านช่องทางออนไลน์รวมถึงช่องทางอื่น ๆ
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารประจำปี 2563 เท่ากับ 747.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 701.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 45.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.5 YoY สาเหตุหลักจากการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินใหม่ฉบับที่ 9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน และฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในปีปัจจุบัน
- กำไรสุทธิรวมจากผลการดำเนินงานประจำ ปี 2563 ของกลุ่มบริษัทเท่ากับ 702.0 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.4 เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 507.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 194.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.4 YoY จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทุกช่องทาง การบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2.34 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับปีก่อนเท่ากับ 1.69 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.65 บาทต่อหุ้น
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นเงินสดจำนวนหุ้นละ 1.15 บาท จำนวน 300 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินสดปันผลจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 345 ล้านบาท
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
โทร.02 119 8888 ต่อ 5009