TQM ปิดดีลใหญ่ ช่วยเพิ่มช่องทาง หนุนรายได้โตยั่งยืน
TQM ปิดดีลใหญ่ ช่วยเพิ่มช่องทาง หนุนรายได้โตยั่งยืน
ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ “TQM” เข้าซื้อกิจการ ที เจ เอ็น บริษัทนายหน้าประกันภัยกลุ่มดีลเลอร์รถยนต์และ กลุ่มผู้นำเข้ารถยนต์รายใหญ่ ที่มียอดขายประมาณ 30 ลบ.ในปี 2561 เพื่อต่อจิ๊กซอว์ขยายช่องทางขาย หนุนรายได้ กลุ่มให้เติบโตยั่งยืน ตั้งสองผู้บริหารลุยการขายเติบโตเต็มสูบ ชูกลยุทธ์การตลาด 5 ด้าน กลยุทธ์แรกขยายฐานดีล เลอร์เป็น 100 ราย ในปี 62 และเพิ่มนายหน้าอิสระอีก 10,000 รายภายใน 5 ปี กลยุทธ์ที่สอง มุ่งยกระดับบริการเป็น มาตรฐานทีคิวเอ็มทั้งหมด กลยุทธ์ที่สามยกระดับระบบเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนงานขายของตัวแทนด้วย โปรแกรม “TJN Anywhere” กลยุทธ์ที่สี่การสร้างตัวแทนนายหน้ามืออาชีพ และกลยุทธ์ที่ห้า มุ่งพัฒนาโปรดักส์ เฉพาะกลุ่ม หวังดันยอดขายเข้าเป้า 100 ล้านบาทในปีนี้ และตั้งเป้า 2,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีจากธุรกิจดังกล่าว เสริมรายได้ “TQM” ให้โตตามแผนที่ตั้งไว้
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีคิวเอ็มจะเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท ที เจ เอ็น อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ในสัดส่วน 100% จากผู้บริหารเดิม ซึ่ง ที เจ เอ็น เป็นบริษัทนายหน้า ประกันภัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ ในกลุ่มดีลเลอร์รถยนต์ และกลุ่มผู้นำเข้ารถยนต์ โดยปัจจุบันมี ฐานดีลเลอร์อยู่ 5 แห่ง มียอดขายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ราว 30 ล้านบาท ในปี 2561 ที่ผ่านมา
“ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของดีลเลอร์และผู้นำเข้ารถยนต์ รวมถึงซุปเปอร์คาร์ ซึ่งมีทั้งกลุ่มแมสและ นิชมาร์เก็ต ซึ่งปัจจุบันทีคิวเอ็มให้บริการกับลูกค้าเหล่านี้อยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะพัฒนาและต่อยอดการขายให้กับ ลูกค้าจากที เจ เอ็น และดีลนี้นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าของทีคิวเอ็มให้เพิ่มขึ้น” ดร.อัญชลิน อธิบาย
ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า เพื่อบริหารงาน ที เจ เอ็น ให้เติบโตได้อย่างมั่นคง ได้แต่งตั้ง นายเอกกร อริยตรัยพงศ์ และนายเกียรติสุพัทร จันทร์ ฉาย ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ซึ่งผู้บริหารทั้งสองมีประสบการณ์ในด้านการบริหารงานในธุรกิจ ประกันภัยมากว่า 20 ปี สำหรับกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในการขับเคลื่อน ที เจ เอ็น ภายใต้การดำเนินงานของ ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ประกอบกลยุทธ์หลัก 5 ด้าน มุ่งสนับสนุนผลักดันยอดขายของ ที เจ เอ็น ให้โตได้ตามเป้าปีนี้ที่ 100 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2567
กลยุทธ์แรก การขยายฐานดีลเลอร์และผู้นำเข้ารถยนต์ รวมถึงตัวแทนนายหน้าอิสระ ซึ่งภายในไตรมาส 3 ปีนี้จะมี ดีลเลอร์เพิ่มอีก 50 แห่ง ที่พร้อมรับบริการจาก ที เจ เอ็น และจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 แห่งภายในปี 2562 นอกจากนี้มี แผนเพิ่มจำนวนนายหน้าอิสระที่อยู่ในธุรกิจอยู่แล้วกว่า 200,000 ราย โดยตั้งเป้าสร้างตัวแทนนายหน้า 10,000 ราย ภายในระยะเวลา 5 ปี
กลยุทธ์ที่สอง การยกระดับงานบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกับทีคิวเอ็ม ที่เน้นการให้บริการด้านประกันภัยที่เหนือ ระดับ การมอบสิทธิพิเศษที่คัดสรรสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าใหม่ ด้วยการให้บริการ 24 ชั่วโมง การให้ บริการประสานงานสินไหม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และการให้บริการส่งตรงถึงหน้าบ้านลูกค้า เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อมุ่ง สร้างความแตกต่างที่ยกระดับบริการให้เป็นมากกว่าผู้ให้คำปรึกษาด้านประกันภัย
กลยุทธที่สาม พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ของ ที เจ เอ็น ด้วยโปรแกรม TJN Anywhere โดยจะนำ เทคโนโลยีเข้ามาใช้ยกระดับงานบริการให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งระบบขายและบริการ เน้นการสร้างระบบ สนับสนุนกลุ่มตัวแทนที่จะเข้ามาร่วมงานกับ ที เจ เอ็น ให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็วในทุกสถานที่ ทันต่อความ ต้องการของลูกค้ายุดดิจิทัล อาทิ ระบบคำนวณเบี้ยประกันวินาศภัย คู่มือช่วยการขายที่ตัวแทนสามารถใช้เป็นไกด์ ไลน์ในการทำงาน และเตรียมความพร้อมของระบบ Back Office ตั้งแต่ระบบการคำนวณคอมมิชชั่นรับ-จ่าย ระบบ บัญชีและการเงิน การออกกรมธรรม์ ระบบบริหารจัดการลูกค้า และได้เตรียมฟังก์ชั่นที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกซื้อ ประกันออนไลน์ได้ทันที ที่ www.tjn.co.th รวมถึงสร้างระบบอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถปรึกษาเรื่องการ ซื้อประกันภัยรถยนต์กับทีมผู้เชี่ยวชาญได้แบบเรียลไทม์ ที่ 02 119 9599
กลยุทธที่สี่ การสร้างตัวแทนนายหน้ามืออาชีพ ด้วยหลักสูตรการอบรม Intensive Agent Course เพื่อให้ตัวแทนมี ความรู้ด้านประกันภัย การนำเสนอและการบริการ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีในการบริหารงานและการเข้าถึงผู้ บริโภคได้อย่างมืออาชีพ กลยุทธ์ที่ห้า การพัฒนาโปรดักส์เฉพาะกลุ่มให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งในอนาคตมีแผนที่ จะพัฒนาโปรดักส์ Extended Warranty ที่จะขยายระยะเวลาการรับประกันเครื่องยนต์ สำหรับรถที่ทำประกันผ่าน ที เจ เอ็น” ดร.นภัสนันท์ กล่าว